20.5.53

วิธีการเลือกเครื่องทำน้ำผลไม้












น้ำผักผลไม้ น้ำปั่น สมูทตี้
การทำน้ำผักผลไม้ หรือการทำน้ำปั่น สมูทตี้ นั้นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ ที่เกี่ยวข้องกันหลายอย่าง
เครื่องดื่มที่เราเรียกกันว่า สมูทตี้(Smoothie) แตกต่างจากน้ำปั่นอย่างไร เพราะทั้งสองอย่างนี้ใช้อุปกรณ์ในการทำที่ที่เหมือนๆกัน เพียงแต่ในการทำสมูทตี้ นั้น การเลือกใช้เครื่องปั่นต้องเลือกที่มารอบความเร็วสูงๆที่สามารถปั่นเครื่องดื่มได้เนียนละเอียด
แทบจะเป็นเนื้อครีมเลยทีเดียว และเนื่องจากจะต้องปั่นส่วนผสมทุกชนิดให้ละเอียดจนเนี้อเนียนนุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความนุ่มให้เครี่องดื่มด้วย เช่น นม โยเกึร์ต
ครีม ฯลฯ
เพราะเมื่อดื่ม ปลายลิ้นจะสัมผัสได้ถึงความละเอียด เนียนุ่ม อ่อนละมุนของเครื่องคี่มผ่านสู่ลำคอส่วนในการทำน้ำปั่นเราจะใช้ระดับความเร็วไม่ต้องสูงเพราะไม่จำเป็นต้องปั้นให้ส่วนผสมละเอียดมาก
อาจจะมีเกล็ดน้ำแข็งให้เคี้ยวกรุบกรับอยู่ในปากได้บ้าง แต่สำหรับ น้ำผักหรือ น้ำผลไม้เกิดจากภารคั้นให้เหลือแต่น้ำ จะใช้เครื่องคั้น
น้ำผลไม้แบบแยกกากเพื่อให้ได้เฉพาะน้ำผลไม้บริสุทธิ์ไม่มีกากผสมอยู่เลย แล้วแต่กรรมวิธีที่แต่ละคนถนัค






วิธีการเลือกเครื่องทำน้ำผลไม้
มาดูวิธีการเลือกเครื่องทำน้ำผลไม้กัน ในอดีตมนษย์ใช้วิธีการ บีบขยำ ขยี้ เพื่อคั้นผักและผลไม้ให้เป็นน้ำสำหรับดื่มกินแก้กระหาย อาจจะใช้วิธีการกรองเข้ามาช่วยบ้าง แต่เมื่อมนุษย์เริ่มมีวิวัฒนาและคิดค้นสร้างเครื่องมือสำหรับอำนวยความสะดวกให้ตนเอง จึงเกิดอุปกรณ์ในการทำน้ำผักผลไม้ขึ้นมามากมายหลายชนิด และทุกอุปกรณ์
ดูเหมือนจะมีส่วนสำคัญในการทำให้น้ำผักน้ำผลไม้ให้รสชาติอร่อยและยังคงคุณค่าจากผักผลไม้ที่เราต้องการไว้ครบถ้วนอีกด้วย
ดังนั้น การเลือกอุปกรณ์ในการทำน้ำผักผลไม้ไม่ใช่ดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเลือกอุปกรณ์ ให้เหมาะสมกับการนำมาใช้งานจริงๆ

คุณลักษณะของอุปกรณ์ที่เราต้องต้องพิจารณา คุณสมบัติ ดังนี้

1.เครื่องปั่น (Blender)
ควรเลือกแบบที่ปรับความเร็วได้หลายระดับ เพราะจำเป็นต้องใช้ปั่นน้ำแข็งและผลไม้แช่แข็งด้วย เหมาะสมที่จะปั่นพวกผักและผลไม้ ที่ไม่สามารถนำเข้าเครื่องแยกกากได้ อย่างเช่น กีวี แคนตาลูป กล้วยหอม อะโวคาโด มะละกอสุก ฯลฯ

2.เครื่องคั้นน้ำผักผลไม้ (Juicer) มีอยู่ ด้วยกัน2 แบบ
แบบที่นิยมกันโดยทั่วไปคือเครี่องคั้นชนิดปั่น (CentrifugaI Juicer) โดยหลักการคือ ผักและผลไม้ถูกปั่นด้วยใบพัดจนละเอียด และถูกเหวี่ยงจะแยกน้ำออกมาจากกากไย น้ำผักผลไม้จะไหลลงมาในภาชนะรองรับ สามารถนำมาดื่มได้ทันทีเลย ส่วนกากยังคงค้างอยูปริมาณน้ำ ที่ได้จะน้อยกว่าเครี่องคั้นแบบที่สองที่เป็นเครื่องแยกกาก (Masticating Juicer) เครื่องจะทำงานโดยการบดผักผลไม้จนละเอียด ก่อน
โดยใช้แรงอัดเข้ากับตะแกรงรองกาก จึงทำให้กากผักผลไม้แห้งสนิท และได้น้ำในปริมาณมากที่สาคัญ เอ็มไซม์ในผักและผลไม่ได้ถูกทำลายไปด้วย หากจะทำเป็นพาณิชย์ควรคิดถึงการคุ้มทุนในระยะด้วย เพราะการใช้งานต้องหนักหน่วงการการทำกินเองที่บ้านอย่างแน่นอน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น