30.7.53

น้ำมะเฟือง



น้ำมะเฟือง
มะเฟืองคือผลไม้ที่เราคุ้นเคยดี มีรสเปรี้ยว สามารถนำมาทำเป็นเครื่องเคียงในอาหารได้หลายชนิด หรือจะกินสดๆก็ได้ มะเฟืองอุดมไปด้วยวิตามินซี ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน วิตามินใน มะเฟือง จะช่วยให้เนื้อเยื่อแข็งแรง จับสารก่อมะเร็ง ช่วยทำให้เหงือกแข็งแรง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งในอารมณ์ ส่วนวิตามินบี 1 จะช่วยป้องกันโรคเหน็บชา มะเฟืองนี้เราถือว่าเป็นพืชสมุนไพรอย่างหนึ่งในการบำบัดรักษาโรค สามารถนำมาต้มน้ำดื่มแก้ไข้หวัดใหญ่ ส่วนรากต้มกินแก้ท้องร่วง และผลสามารถนำมาสระผมบำรุงเส้นผมให้เงางาม และใช้ขจัดรังแคได้


ส่วนผสม
มะเฟืองหั่นชิ้นเล็กๆ 400 กรัม
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น ¼ ช้อนชา
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง

วิธีทำ
1.นำมะเฟืองไปต้มในน้ำให้เปื่อย ยกลงรอให้เย็น ยีด้วยผ้าขาวบาง หรือกระชอนเอาแต่น้ำ
2. เทใส่ภาชนะ ผสมน้ำผึ้งเเละเกลือลงโป คนๆให้ละลาย
3.นำขึ้นตั้งไฟ นำไปต้มให้เดือดอีกครั้งยกลง พักให้เย็น
4. ก่อนดื่มนำไปใส่น้ำแข็ง

***คุณค่าทางโภชนาการ
-ให้พลังงาน 201.1 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรด 48.9 กรัม
-วิตามินเอ 1,298.1 ไมโครกรัม
- วิตามินซี 152 มิลลิกรัม
-แคลเซี่ยม 32.3 ไมโครกรัม

26.7.53

ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากผักและผลไม้




ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากผักและผลไม้

วิตามิน C
วิตามิน C ที่ได้จากผักและผลไม้ มีความจำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกายในการผลิตและบำรุงรักษาสารคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพสมบูรณ์ เพราะสารคอลลาเจนทำหน้าที่หลักในการยึดเซลล์ผิวหนัง เหงีอก และเส้นเอ็นไว้ด้วยกัน และยังช่วยเซลล์เม็ดเลือดขาวต่อสู้กับเชื้อโรค จึงมีส่วนช่วยในเรื่องของการสมานแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง และช่วยชะลอความแก่ ประโยชน์ของ วิตามิน C ยังมีอีกมากมาย เช่น ช่วยในการลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต้อกระจก และช่วย
บรรเทาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น แหล่งวิตามิน C จากผักและผลไม้ ที่สำคัญ คือ ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ พริกหวาน บรอกโคลี่ ส้ม กีวีแบล็กเคอร์แรนต์ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ฯลฯ


วิตามิน A
วิตามิน A มีประโยชน์ที่สำคัญต่อร่างกายในการผลิตโรดอปซิน เป็นสารสีที่ช่วยในการมองเห็น
ในความมีด จึงช่วยป้องกันการตาบอดในเวลากลางคือได้เป็นอย่างดี ช่วยให้ผิวหนังเรียบ
นุ่มเนียน สุขภาพผิวดี และทำให้เนื้อ เยื่อร่างกายเจริญอย่างเหมาะสม และบำรุงกระดูก
ให้แข็งแรง ช่วยกำจัดเชี้อโรคที่จะทำลายเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยัง
ช่วยต่อสู้กับโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และปรสิต แหล่งวิตามินเอที่สำคัญคีอ
ผักและผลไม้ที่มีสีเข้ม เช่น มะเขีอเทศ แคนตาลูป เมลอน และมะละกอ

เบต้าแคโรทีน
เบต้าแคโรทีนมีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพี่มระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงด่อโรคมะเร็ง ทั้งยังพบว่าเบต้าแคโรทีนให้ผลกระตุ้นเซลล์ภูมิต้านทานในร่างกายที่ชิ่อ ที-เฮลเปอร์ ให้ทำงานต้านทานสิ่งแปลกปลอมได้ดีขึ้น และยังช่วยดูแลรักษาผิวพรรณไม่ให้ผิวเหี่ยวย่นหรือไม่ผ่องใส ช่วยบำรุงสุขภาพของดวงตาเบต้าแคโรทีนเมื่อโดนย่อยสลายที่ตับแล้วจะได้วิตามินเอ ซึ่งร่างกายนำไปใช้สร้างสารโรด็อปซินในดวงตาส่วนเรตินา ทำให้ตามีความสามารถในการมองเห็นตอนกลางคืนได้ และยังลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกด้วย แหล่งเบต้าแคโรทีนที่สำคัญคือ ผักผลไม้ที่มีสีเหลีองและสีส้ม เช่น แครอท ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน แตงโมแคนตาลูป มะละกอสุก และผักที่มีสีเขียว เช่น บรอกโคลี มะระ ผักบุ้ง ต้นหอม ผักคะน้า ผักตำลึง

แคลเซียม
แคลเซียม คือสารอาหารชั้นเลิศในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ความสำคัญของแคลเซียม
นอกจากเป็นองค์ประกอบหลักของกระดูกและฟันแล้ว แคลเซียม
ยังมีบทบาทเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบด่าง ๆในร่างกายหลายต่อ
หลายระบบ เช่น ระบบประสาทที่ต้องอาศัยแคลเซียมเป็นแรธาตุจำเป็นในการนำกระแส
ประสาทของเซลล์ในระบบประสาท กระบวนวารหดตัวและคลายตัวของกล้ามเนื้อ ระบบหัวใจ
ที่ต้องทำงานตลอดเวลานอกจากนี้แคลเซียมยังเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการแข็งตัวของเลือด และยังเป็นตัวนำสารอาหารที่สำคัญผ่านเข้าออกเซลล์ แคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักของกระดูิ รวมทั้งยังทำหน้าที่เป็นสารป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุนด้วย แหล่งแคลเชียมที่สำคัญ ได้แก่ นม เต้าหู้ ผักใบเขียว ปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ที่รับประทานได้ทั้งกระดูก เช่น ปลาซิวแก้ว กุ้งฝอย กะปิ ปลาตัวเล็กตัวน้อย

21.7.53

ประโยชน์ของผักและผลไม้ต่อสุขภาพของเรา




ประโยชน์ของผักและผลไม้ต่อสุขภาพของเรา
ผักและผลไม้นั้นมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง ทั้งวิตามิน A ,C ฯลฯ เบต้าแคโรทีน แคลเซี่ยม และแร่ธาตุอื่นๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ผักและผลไม้ยังมีกากไยอาหารมาก
ทำให้ระบบขับถ่ายของเราทำได้อย่างเป็นปกติ ผักและผลไม้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น ต้านการเกิดมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง กระดูกพรุน โรคอ้วน ผักและผลไม้
มีประโยชน์สำหรับคนนที่ต้องการลดน้ำหนักได้ดี ทำให้ผิวพรรณและสุขภาพผิวดี เช่น ผักต่างๆเหล่านี้

ฟักทอง
อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันมะเร็ง เนื้อฟักทองยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันโรคเบาหวาน ความคัน โลหิต บำรุงตับ ไต นัยน์ตา ช่วยสร้างเ้ซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป ให้ทำงานอย่างมีประสิทฐิภาพสูงสุด

เซเลอรี่
เซเลอรี่ มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดระบบทางเดินปัสสาวะและขับปัสสาวะได้ดี เป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่มีโพแทสเชียมสูง จึงช่วยลดความดันโลหิต เป็นผักที่ช่วยในการล้างพิษออกจากร่างกายได้ดี อีกด้วย

บลอกโคลี่
บลอกโคลี่ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินC สูง ช่วยป้องกันมะเร็งปอด มะเร็งทรวงอก และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ช่วยควบคุมระดับอินซูลินและน้ำตาลในเลือด

ขิง
มีประโยชน์ช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด เพราะขิงจะช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วย ขับลมได้ดีเช่นเดียวกับตะไคร้ ส่วนคนที่มีอาการไอหรือมีเสมหะมาก ให้นำขิงมาฝนกับน้ำมะนาวผสมเกลือนิดหน่อย ใช้กวาดคอ จะช่วยบรรเทาอาการ ได้

บีตรู้ต
บีตรู้ตเป็นผักที่มีโฟเลตสูง ทำให้หลอดเลือดสะอาด ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น และช่วยเผาผลาญไขมันได้ดี ช่วยในการควบคมระบบย่อยอาหารให้ทำงานปกติ ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ไตและตับทางานดีขึ้นทั้งยังช่วยกระตุ้นและเพิ่มความแข็งแรงให้ลำไส้ใหญ่

ผักกาดหอม ผักกาดขาว
เป็นผักที่อุดมไปด้วยวิตามินC เบต้าแคโรทีน ฟลาโวนอยด์ และกรดโฟลิก ช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร ต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ ผักกาดมี 3 ชนิด คือ

ผักกาดขาว ผักกาดเขียว และผักกาดหอม ต่างมีสารอาหารเกลือแร่ วิตามินครบถ้วนบริบูรณ์ และมีเส้นใยอาหารจำนวนมาก การรับประทานเป็นประจำจะป้องอาการท้องผูิก ลดการเป็นมะเร็งลำไส้ ส่วนผักกาดหอม สามารถป้องกันโรคความดันใลหิดสูง เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และวิตามิน C ที่มีอยู่ในผักจะสร้างเสริมภูมิต้านทานโรค

ผักใบเขียวต่างๆ เช่น คะน้า กวางตุ้ง
ล้วนเป็นผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีลูทินและเบต้าแคโรที ในปริมาณสูง จึงช่วยต้านมะเร็ง ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง และมีกากไยมาก ช่วยระบบขับถ่าย


ผักสมุนไพร เครื่องเทศ
เช่น ผักชี สะระแหน่ โหระพา มีฤทธิ์กระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยในการหลั่งน้ำย่อย ใบสะระแหน่มีสารเบต้าแคโรทีนและวิตามินC ช่วยรักษาอาการหวัด

ผักโขม หรือผักขม
มีคุณสมบัติในการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม เนื่องจากอายุที่มากขึ้น เพราะมีสารลูเทอีนซึ่งเป็นสารทื่ช่วยสร้างระบบป้องกันสารสีในดวงตา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคความจำเสี่อมได้อีกด้วย

แตงกวา
เป็นผักที่มีน้ำมาก จึงมีฤทธิในการขับปัสสาวะ กระตุ้นการขจัดสารพิษ ผ่านทางเดิมปัสสาวะ ช่วยเพิ่มความสดชี่น ที่สำคัญคือ มีสารประกอบจำเป็นที่ช่วยบำรงผิวและเส้นผมให้มีสุขกาพดี

มะระ
รสขมของมะระช่วยกระตุ้นให้น้ำย่อยออกมามากกว่าปกติ จึงมีคุณสมบัติช่วยทำให้เจริญอาหาร และมีแร่ธาตุคัญ ๆ อย่าง แคลเชียม ฟอสฟอรัส วิตามิน C ไนอะชิน เบต้าแคโรทีน จึงทำให้สุขภาพผิวพรรณดีนอกจากนี้ยังเป็นยาระบายอ่อนๆ และยังช่วยลดน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน มะระ ยังช่วยบำรุงน้ำดี แก้ตับ ม้ามอักเสบ ขับพยาธิแก้อักเสบจากพิษต่าง ๆได้ด้วย

7.7.53

สมู้ทตี้มะม่วงกับโยเกิร์ต


สมู้ทตี้มะม่วงกับโยเกิร์ต

มะม่วงสุกเป็นผลไม้ที่มีมากมายในบ้านเรา หน้ามะม่วงสุกบางทีกินแทบไม่ทัน ลองหันมาทำเป็นเมนูสมู้ทตี้มะม่วงกับโยเกิร์ต ดูบ้างก็ได้ เพิ่มความอร่อยที่แปลกใหม่ ดื่มเย็นๆชื่นใจดีต่อสุขภาพอีกด้วย

ส่วนผสม
มะมวงน้ำดอกไม้สุก 400 กรัม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 250 กรัม
น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร
ใบสะระแหน่ 3-4 ใบ
ใบสะระแหน่และมะม่วงฝานสำหรับตกแด่ง

วิธีทำ
1. หั่นมะม่วงสุกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แช่ตู้เย็นนานประมาณ 3o นาที
2.นำมะม่วงที่แช่จนเย็นจัดแล้วมาใส่ลงในเครื่องปั่น ใส่โยเกิร์ต น้ำเปล่าและใบสะระแหน่ จากนั้นปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดเนียนละเอียดเป็นเนี้อเดียวกัน
3. เทใส่แก้ว แต่งหน้าด้วยใบสะระแหน่และมะม่วงฝาน ให้แลดูน่ากิน

คุณค่าทางโภชนาการ
ให้พลังงาน 515.5 กิโลแคลอรี่
คาร์โบไฮเตรต 98.35 กรัม
มีเบตาแคโรทีน 32.5 ไมโครกรัม
วิตามินA 12.742 ไมโครกรัม
วิตามินC 144 มิลลิกรัม

4.7.53

สมูทตี้น้ำส้ม น้ำสับปะรด น้ำขิง โยเกิร์ต


สมูทตี้น้ำส้ม น้ำสับปะรด น้ำขิง โยเกิร์ต
สมูทตี้น้ำส้ม น้ำสับปะรด น้ำขิง โยเกิร์ต แก้วนี้จะช่วยให้สดชื่น เปรี้ยวหวาน ให้ประโยชน์กับระบบลำไส้ จากคุณค่าของโยเกิร์ต

ส่วนผสม
น้ำส้มคั้นสด 120 กรัม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 25O กรัม
น้ำสับปะรด 120 กรัม
น้ำขิงคั้นสด 1ช้อนโต๊ะ
ขิงสดขูด 1 ช้อนชา
น้ำแข็งก้อน

วิธีการทำ
ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียดเทใส่แก้ว เติมน้ำแข็งก้อนลงไป ดื่มได้ทันที

คุณค่าทางโภชนาการ
-วิตามินC 26.6 มิลลิกรัม
-วิตามินA 5,125.45 ไมโครกรัม
-พลังงาน 430.45 กิโลแคลอรี่
-คาร์ในไฮเดรต 73.965 กรัม
-เบต้าแคโรทีน 345 ไมโครกรัม
-เเคลเซียม 49.95 ไมโครกรัม